หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บทความคอมพิวเตอร์ : ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์จะแบ่งเป็น 4 ส่วนด้วยกัน
1. ส่วนรับข้อมูล (Input)
ทำหน้าที่รับข้อมูลโดยอาจรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ เมาส์ หรือเครื่องแสกนเนอร์ หน้าจอ แบบสัมผัส

2. ส่วนประมวลผล (CPU:Central Processing Unit)
เมื่อรับข้อมูลเข้ามาแล้ว ส่วน CPU จะทำหน้าที่เป็นสมองของคอมพิวเตอร์ ในการคิดคำนวณ หรือประมวลผลเพื่อทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ

3. ส่วนหน่วยความจำ (Memory)
ในการคิดคำนวณของ CPU นั้น จะไปกระทำที่หน่วยความจำของเครื่อง

4. ส่วนแสดงผล (Output)
เมื่อคิดคำนวณได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วก็จะส่งผลมาแสดงที่ส่วนแสดงผล เช่น แสดงทางจอภาพ เครื่องพิมพ์หรือส่งไปทางโมเด็ม

บทความคอมพิวเตอร์ : ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ทำความรู้จักคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องการ ทำงาน กลายเป็นศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้ เพื่อช่วยให้สามารถทำงานต่างๆ ได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา มากกว่าเดิม และนอกจากที่ทำงานแล้ว ที่บ้านคอมพิวเตอร์ก็ได้เป็น ส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยงานส่วนตัว ด้านต่างๆ เช่น ดูหนังฟัง เพลง ใช้อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
คอมพิวเตอร์คืออะไร
คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์
“ อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่สามารถรับข้อมูลเข้าไปประมวลผล แล้วได้ผลลัพธ์ออกมาตามต้องการ โดยส่วนต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นคอมพิวเตอร์จะต้องประกอบไป ด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ หน่วยรับ ข้อมูล หน่วยความจำ หน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยแสดงผลข้อมูล ”
ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
มี 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
2. ซอฟท์แวร์ (SoftWare)
3. บุคลากร (Peopleware)
ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เช่น จอภาพ (Monitor) เมาส์ (Mouse) แป้นพิมพ์ (Keyboard) ซีพียู (CPU) พรินเตอร์ (Printer) สแกนเนอร์ (Scanner) ยูพีเอส (UPS) ซีดีรอมไดรว์ (CD-ROM DRIVE) โมเด็ม (Modem) แผ่นดิสก์ เก็ต (Disket) แรม (Ram) ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) การ์ดเสียง (Sound Card) เป็นต้น
ซอฟท์แวร์ (Software)
เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หรือเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถทำงานต่างๆ ตามที่เราต้องการ ซึ่งอาจแบ่งได้ 2 ประเภท ดัง นี้
1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System หรือ OS)
โปรแกรมระบบปฏิบัติการ เป็นโปรแกรมควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ควบคุม การทำงานต่างๆ เช่น การแสดงผลข้อมูล การติดต่อกับผู้ใช้ โดย ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้กับ คอมพิวเตอร์ให้สามารถสื่อสารกันได้ ควบคุมและจัดสรรทรัพยากร ให้กับโปรแกรมต่างๆ โปรแกรม ประเภทนี้มักเรียกกันย่อๆ ว่าโอเอส (OS)

ตัวอย่างโปรแกรมระบบปฏิบัติการ เช่น DOS, Windows 3.1, Windows 95 OEM, Windows 95 OSR, Windows 98, Windows ME, Windows NT, Windows 2000, Windows XP, Linux, Unix เป็นต้น
2. โปรแกรมประยุกต์ (Applications)
โปรแกรมประยุกต์ เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมาใช้งานเฉพาะทาง เช่น ใช้พิมพ์เอกสาร วาดภาพ ติดต่อสื่อสาร คำนวณ ฯลฯ โปรแกรมประเภทนี้มีให้เลือกใช้มาก มายเป็นหมื่นๆ โปรแกรม ผู้ใช้สามารถ สร้างขึ้นเองได้ เพื่อให้ตรงกับงานที่ทำมากที่สุด

ตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ เช่น Microsoft Office, PageMaker, Photoshop, Cute FTP, WinAmp, Netscape, Internet Explorer ฯลฯ
บุคลากร (Peopleware)
เป็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เช่น คนใช้ คนขาย คนสอน คนซื้อ คนสร้าง โปรแกรม คนผลิต โดยสรุปแล้วก็คือ บุคคลทุกคนที่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง กับคอมพิวเตอร์นั่นเอง

บทความคอมพิวเตอร์ : การซื้อคอมพิวเตอร์หรือโนัตบุ๊คมือสองไว้ใช้งาน

 ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงมาก แต่สำหรับคนที่งบน้อยจริงๆ ก็ยังพอจะมีทางเลือกในการซื้อหาคอมพิวเตอร์มือสองราคาประหยัดไว้ใช้งาน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์มือสองจากญี่ปุ่น ซึ่งมีการนำเข้ามาทำตลาดมากพอสมควรในบ้านเรา
คอมพิวเตอร์มือสองเหล่านี้คุณภาพในการผลิตค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ที่เราสั่งประกอบ เพราะได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างดี การออกแบบดีกว่า ทนทานกว่า หลายเครื่องเป็นเครื่องโชว์ไม่ได้ใช้งานหนักมากนัก
ตัวอย่าง Fujitsu รุ่น FMV-B8200 เครื่องนี้ ผลิตเมื่อปี 2005 รองรับการใส่แรมได้ 2 Gb แบตเตอรี่ยังอึดได้ 3 ชั่วโมง รองรับการติดตั้ง Windows XP/7 และ 8 ล่าสุด ส่วนข้อด้อยก็คือ ต้องสำรองอุปกรณ์บางตัวไว้ เช่น ฮาร์ดดิสก์ เพราะใช้ขนาดเล็ก หายาก การใช้เครื่องมือสองแบบนี้ ต้องสำรองไว้เผื่อเสีย เครื่องนี้รวมราคาซื้อเมื่อสองปีที่แล้วอยู่ที่ 5500 บาท ปัจจุบัน (พ.ค 2556) จากที่เดินสำรวจในเซียร์เห็นอยู่ราคาประมาณ 3500-4000 ยังมีขายอยู่บ้าง แต่ก็หายาก
นี่แค่ยกตัวอย่างนะครับ เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่มีเงินมากนัก (แต่ถ้ามีเงินมากๆ ก็มองข้ามไปเลย) แต่อยากได้โน้ตบุ๊คที่ไว้ใจได้ ไว้ใช้งานสักเครื่อง เพราะหากเราเน้นใช้งานทั่วๆ ไปเท่านั้น โน้ตบุ๊คมือสองดีๆ เหล่านี้ หาซื้อได้ตั้งแต่ราคาประมาณ 3000 บาทขึ้นไปเท่านั้นเอง เลือกเฉพาะยี่ห้อดีๆ อย่าง IBM, Fujitsu, Toshiba รับรองไม่เสียอารมณ์แน่นอน
นอกจากโน้ตบุ๊คมือสองแล้ว คอมพิวเตอร์มือสองก็เช่นกัน หากเน้นใช้งานธรรมดาทั่วไป ท่องเน็ต ฟังเพลง พิมพ์งาน แช็ต ก็มีคอมพิวเตอร์มือสองราคาเบาๆ ให้เลือก แนะนำให้เลือกโดยเพิ่มแรมอย่างน้อย 2 Gb ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็นวางขายในเซีร์ยรังสิต เสป็คเท่าที่เห็นรองรับการติดตั้ง Windows 8 ได้สบายๆ นั่นก็หมายความว่าด้วยงบประมาณที่ 5-6000 บาท รวมทุกอย่างแล้ว ได้เครื่องคุณภาพดีกว่าเครื่องประกอบแน่นอน เน้นยี่ห้อดีๆ เช่นกัน เช่น Fujitsu, Lenovo, Dell เป็นต้น

บทความคอมพิวเตอร์ : เลือกใช้งานคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมเพื่อประหยัดค่าไฟ

ปกติจะใช้โน้ตบุ๊คทำงาน พักหลังๆ เปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ผลที่เห็นชัดเมื่อสิ้นเดือนก็คือ ค่าไฟเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว การเลือกคอมพิวเตอร์มาใช้งาน หากเลือกไม่เหมาะสม ค่าไฟบานปลายแน่นอน เพราะหลายบ้าน เป็นครอบครัวใหญ่ มีคอมพิวเตอร์คนละเครื่อง ค่าไฟจึงไม่ต้องพูดถึง หากใช้งานคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะกันคนละเครื่อง
หากเลือกใช้งานคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงานหรือความจำเป็นที่ต้องใช้งานจริงๆ แล้วก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว
คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเหมาะกับงานแบบใด
คอมพิวเตอร์แบบนี้จะให้พลังการประมวลผลที่ดี ทนทาน รองรับงานหนักๆ ได้ดี แต่ต้องแลกกับค่าไฟที่มากกว่าโน้ตบุ๊คไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัวหรือมากกว่า ตรงนี้ผมก็เปรียบเทียบกับการใช้งานจริงๆ ของตัวเอง ซึ่งนอกจากจะเสียค่าไฟมากกว่าแล้ว ยังร้อนกว่าด้วย เพราะเครื่องจะปล่อยความร้อนออกมามากกว่า ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำความเย็นเพิ่มขึ้นอีก
เราไปดูกันว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะควรจะใช้กับงานประเภทใด ตัวอย่างเช่น
1. เล่นเกม โดยเฉพาะเกม 3 มิติ จะต้องการเสป็คเครื่องค่อนข้างสูง ซึ่งตามมาด้วยค่าไฟที่เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
2. การทำงานด้านการตัดต่อวิดีโอ ต้องใช้การประมวลผลที่เร็วเช่นกัน จึงต้องการเสป็คเครื่องค่อนข้างดี
3. การสร้างสิ่งพิมพ์ กราฟิค ในขั้นตอนการสร้างไฟล์แบบ PDf เพื่อเตรียมส่งโรงพิมพ์หรือร้านเพลทนั้นจะต้องการการประมวลผลที่ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะหากเปิดร้านรับทำสิ่งพิมพ์โดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นอืดเป็นเรือเกลือแน่ กว่าจะแปลงเป็นไฟล์ PDf ได้แต่ละไฟล์ อย่างหนังสือคอมพิวเตอร์ที่เห็นๆ วางขายในท้องตลาด การสร้างไฟล์ PDF เพื่อนำไปทำเพลท ก่อนส่งโรงพิมพ์ บางไฟล์มีขนาดหลาย GB เคยลองสร้างด้วยโน้ตบุ๊ค ใช้เวลาร่วมชั่วโมง ในขณะที่ใช้พีซีแค่สิบกว่านาทีเท่านั้นเอง
4. งานบางอย่างไม่หนัก แต่ต้องจัดการกับบางอย่างปริมาณมากๆ เช่น การเขียนซีดี งานแบบนี้จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เป็นต้น
คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ค
โน้ตบุ๊คใช้งานสะดวก ประหยัดไฟ และสร้างความร้อนน้อยกว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แต่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป หลายคนจะมีคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อยสองเครื่อง คือโน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะอย่างละเครื่อง ไว้ใช้งานแยกกัน ตามประเภทของงาน ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟได้พอสมควร
การเลือกซื้อโน้ตบุ๊คมาใช้งานนั้น นอกจากเครื่องมือสองยี่ห้อดีๆ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นแล้ว การเลือกเครื่องใหม่ก็ต้องดูรุ่น ดูยี่ห้อเช่นกัน แล้วไปค้นหาข้อมูลใน Google.co.th โดยพิมพ์ชื่อรุ่นและยี่ห้อ เพื่อหาข้อมูลข้อดีข้อเสีย ก่อนจะเลือกมาใช้งานจริง

บทความคอมพิวเตอร์ : ความชื้นทำให้คอมพิวเตอร์ไม่ทำงาน

 การแก้ปัญหาในโน้ตบุ๊ค
สำหรับโน้ตบุ๊คจะมีแรมที่เป็นส่วนประกอบที่ต้องเสียบหรือต่อเพิ่มลงไปในเมนบอร์ด จากการใช้งานเครื่องรุ่นนี้ มีปัญหาบ่อยมาก เพราะความชื้นทำให้มองไม่เห็นแรม เปิดเครื่องแล้วเงียบไม่มีอะไรบนหน้าจอ เวลาเอา ไปซ่อม ก็ไม่พบอาการผิดปกติแต่อย่างใด และทุกครั้งที่เอาเข้าไปที่เซียร์ พ่อประคุณทูลหัว ก็จะหายเป็นปกติ เสียค่าน้ำมันและค่าซ่อมรวมๆ ไปหลายลัง
ตอนนี้ก็ลองแก้ไขง่ายๆ ด้วยการเอาน้ำยาไล่ความชื้นอย่างโซแนก ฉีดเข้าไปไม่ต้องมากนะครับ แล้วเปิดพัดลมเป่าให้แห้ง ก็สามารถเปิดเครื่องได้ตามปกติ
การแก้ปัญหาในคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
กรณีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะก็เช่นเดียวกัน แต่จะให้ดีควรหาตัวดูดความชื้นมาไว้ในเคสเลยจะดีกว่า ป้องกันไว้ก่อน สำหรับคอมพิวเตอร์แบบนี้ นอกจากแรมแล้วก็จะมีการ์ดจอหรือการ์ดอื่นๆ ก็จัดการฉีดบางๆ ไล่ ความชื้นได้เช่นเดียวกัน
การทำความสะอาดหน้าสัมผัสการ์ดจอหรือแรมด้วยยางลบ
การแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ด้วยการเอายางลบมาลบคราบสกปรก ที่ตัวหน้าสัมผัสการ์ดจอหรือแรม เดี๋ยวนี้กลับใช้ไม่ได้ผล เหมือนกับว่า อาการป่วยของมัน เชื้อมีการพัฒนาตนเอง ฮา แต่ทั้งนี้ถ้าไม่มีตัวฉีดไล่ ความชี้นก็ลองใช้วิธีนี้แก้ขัดก่อนก็ได้

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

ประวัติคอมพิวเตอร์ : ยูพีเอส สำหรับคอมพิวเตอร์

ทำหน้าที่กรองไฟให้สม่ำเสมอและสำรองไฟชั่วคราวให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่ไฟดับ นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสูญหายแล้ว ก็ยังช่วยป้องกันไม่ ให้อุปกรณ์บางตัวเสียหาย เนื่องจาก กระแสไฟฟ้าที่ไม่สม่ำเสมอและไฟกระชากกรณีเกิดไฟดับ และถ้าต้องทำงานที่สำคัญมากๆ เช่น ระบบงาน ของธนาคารหรือ บริษัทใหญ่ๆ จะต้องมียูพีเอส


อุปกรณ์อื่นๆ 

นอกจากอุปกรณ์ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งอุปกรณ์บางตัว ก็ใช้กันในวงแคบ อาจจะไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไรนัก เช่น
ลำโพง ปลั๊กไฟ ดิจิไธเซอร์สำหรับงานออกแบบ สื่อบันทึกข้อมูลความจุสูง กล้องวีดีโอสำหรับ การประชุมทางไกล กล้องถ่ายภาพดิจิตอล

ประวัติคอมพิวเตอร์ : พาวเวอร์ซัพพาย สำหรับคอมพิวเตอร์

พาวเวอร์ซัพพลายหรือหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นส่วนที่ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าในบ้านให้เป็นไฟฟ้าที่ พอเหมาะกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีอยู่สองแบบคือ AT และ ATX ใน การเลือกใช้ให้พิจารณาอุปกรณ์ ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ หากมีค่อนข้างมาก เช่น การ์ดเสียง การ์ดจอ การ์ดโมเด็ม การ์ดเน็ตเวิร์ค ซีดีรอมไดรว์ ฮาร์ดดิสก์ ฯลฯ ควรเลือกขนาดของหม้อแปลงไฟฟ้าค่อนข้างมากหน่อย เช่น 230 W หรือ 250 W การสังเกตความแตกต่างของหม้อแปลงทั้งสองแบบคือ ส่วนเชื่อม ต่อเพื่อ จ่ายไฟให้กับเมนบอร์ด แบบ AT จะแยกเป็นสองสาย ส่วน ATX จะติดกัน

ส่วนท่านใดที่ใช้เพนเทียมโฟร์ จะต้องเลือกใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่ออกแบบมาสำหรับซีพียูรุ่นนี้ โดยเฉพาะ แพงกว่าด้วย ไม่รู้เหมือน กันว่าทำไมสองบริษัทนี้คืออิน เทลและไมโครซอฟท์ออกผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ทีไร ก็ต้องมีเรื่องเสียเงินเพิ่มอยู่เรื่อย

ประวัติคอมพิวเตอร์ : ฮาร์ดดิสก์ ของคอมพิวเตอร์

ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมาก และจำเป็นต้องมีในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เพื่อเก็บ ข้อมูลไฟล์หรือโปรแกรมต่างๆ ฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันมีมากมาย หลายยี่ห้อ ทั้งความเร็วและความจ ก็แตก ต่างกัน
ถ้าหากจะซื้อก็ควรเลือกซื้อที่ความจุ 10 Gb ขึ้นไป เพราะโปรแกรมส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ค่อนข้าง มาก ความเร็วของฮาร์ดดิสก์ จะวัดกันที่เสี้ยวเวลาที่ฮาร์ดดิสก์ค้น หาข้อมูลหรือ Average Access Time ความเร็วของฮาร์ดดิสก์โดยทั่วๆ ไปจะอยู่ระหว่าง 10 Ms ถึง 19 Ms ตัวเลขยิ่งน้อยก็ยิ่งเร็ว หรืออาจ ดูที่จำนวนรอบในการหมุน เช่น 5400 rpm หรือ 7200 rpm จำนวนรอบมาก ก็ทำงานเร็วขึ้นด้วย นอกจากรอบในการหมุนแล้วก็มีส่วนอื่นที่สำคัญ เช่น อัตราการส่งข้อมูล ฮาร์ดดิสก์แบบติด ตั้งภายใน หรือติดตั้งอยู่กับเครื่องอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Fixed Disk ไม่เหมาะจะถอดเข้าถอดออกหรือ เคลื่อนย้ายบ่อยๆ จะเสียหายง่าย หากต้องโอนย้ายข้อมูล จำนวนมาก เช่น นำข้อมูลจากที่บ้านไปที่ทำงาน ก็ควรเลือกใช้ฮาร์ดดิสก์แบบพกพาได้จะดีกว่า
ส่วนประกอบของฮาร์ดดิสก์ 
1. ตำแหน่งต่อสายเคเบิ้ล จะมี 40 ขาหรือ 40 Pin สำหรับต่อสายรับส่งข้อมูลระหว่าง เมนบอร์ดกับตัวฮาร์ดดิสก์ให้พิจารณาว่าขาที่ 1 อยู่ด้านใด ส่วนมากจะต่อ ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้เป็นตัวติดตั้ง โปรแกรมกับสาย IDE0 หรือ Primary IDE และหากจะต่อเพิ่มอาจต่อพ่วง กับ HD ตัวแรก ต่อที่ข้อต่อ ตรงกลางหรือต่อกับสาย IDE 1
2. ตำแหน่งต่อไฟเข้าฮาร์ดดิสก์
3. ตำแหน่งเซ็ตจัมเปอร์ซึ่งจะมี 2 แบบหลักๆ คือ Master สำหรับกำหนดให้ฮาร์ดดิสก์ตัวนั้นๆ เป็นตัวหลักใช้สำหรับติดตั้ง โปรแกรมต่างๆ เช่น Windows 98/ME ฯลฯ และ Slave สำหรับกำหนด ให้ฮาร์ดดิสก์ตัวนั้นๆ เป็นฮาร์ดดิสก์ตัวรองสำหรับเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียว บนตัวฮาร์ดดิสก์ โดยปกติ จะพิมพ์ข้อความอธิบายวิธี เซ็ตไว้


การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์
การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ ให้พิจารณาที่ความจุ ปัจจุบันควรเลือกไม่ต่ำกว่า 10 Gb ความเร็วต้องดู ที่เมนบอร์ดของคุณรองรับ UDAM ที่ความเร็วเท่าไร เช่น ATA 100 ก็เลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ที่รองรับ การรับส่งข้อมูลที่ 100 MHz ต่อวินาทีหรือสูงกว่ามาใช้ และสุดท้ายในเรื่องของการรับประกันระบุไว้ กี่ปี เจ้านั้นๆ เคลมง่ายหรือไม่
ตัวอย่างและรายละเอียดเกี่ยวกับฮาร์ดดิสก์
Conner 15 Gb. 5400 rpm IDE UDMA 66
Western Digital 10 Gb 7200 rpm IDE UDMA 66/100
Seagagte ST318451LW 18 Gb 15000 rpm SCSI
ความแตกต่างของฮาร์ดดิสก์ทั้ง 3 แบบ
1. conner มีความจุ 15 Gb ความเร็วรอบ 5,400 rpm หรือหมุนที่ความเร็ว 5,400 รอบต่อนาที เชื่อมต่อแบบ IDE สามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ความเร็ว 66 Mb ต่อ วินาที
2. Western Digital 10 Gb ความเร็วรอบ 7,200 rpm หรือหมุนที่ความเร็ว 7,200 รอบต่อนาที เชื่อมต่อแบบ IDE สามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ความเร็ว 100 Mb ต่อวินาที
3. Seagate ST3184512W 18.4 Gb ความเร็วรอบ 15,000 rpm ใช้การเชื่อมต่อแบบ SCSI (อ่านว่า สะ-กัซ-ซี่) เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อที่มีความเร็วสูง สามารถรับส่งข้อมูลได้มากกว่า 2 แบบแรก ส่วนราคาก็มหาแพงตามไปด้วย นิยมใช้ฮาร์ดดิสก์แบบนี้กับระบบเน็ตเวิร์ค โดยติดตั้งในเครื่องแม่ข่าย หรือเซิร์ฟเวอร์ มากกว่าจะนำมาใช้ตามบ้าน
โดยสรุป ประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์ขึ้นอยู่กับความเร็วรอบในการหมุน หมุนเร็ว ก็หาข้อมูล ได้เร็ว ความสามารถในการรับส่งข้อมูล และสุดท้ายก็เรื่องการรับประกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ปี ก่อนซื้อ ก็สอบถามให้ละเอียด และก็เลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ให้สัมพันธ์กับเมนบอร์ดด้วย เช่นเมนบอร์ดรองรับแค่ UDMA 66 การซื้อฮาร์ดดิสก์ที่มี ความสามารถแบบ ATA 100 มาใช้ก็ไม่สามารถใช้งานฮาร์ดดิสก์ได้เต็ม ประสิทธิภาพ เพราะเมนบอร์ดสามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดแค่ 66 MHz เท่านั้นเอง

ประวัติคอมพิวเตอร์ : แรม RAM ของคอมพิวเตอร์

RAM เป็นหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ย่อมาจาก Random Access Memory การมี แรมมากจะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้นและใช้งานโปรแกรมใหญ่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะ โปรแกรมประเภทกราฟิกหรือเปิดใช้งานหลายๆ โปรแกรม ในเวลาเดียวกันได้ (Multitasking) ความจุ ของแรมจะมีหน่วยวัดเป็นไบต์ (Byte) แรมมีหลายประเภท ราคาก็แตกต่างกันไป

DRAM (Dynamic RAM) เป็นหน่วยความจำที่มีราคาถูกสุดและทำงานช้าที่สุด นิยมนำมาใช้ เป็นหน่วยความจำหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์
EDO RAM (Enhanced Data Output RAM) เป็นแรมที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน และการแสดงผลกราฟิกได้ดีกว่า แรมแบบธรรมดาหรือ SIMM RAM ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับเพนเทียมหรือใช้กับเมนบอร์ด Socket 7
SDRAM เป็นหน่วยความจำที่ทำงานเร็วกว่า DRAM และ EDO RAM และได้รับความนิยม อย่างมากในปัจจุบันโดยใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับ Celeron, Pentium II, III, 4, Amd Duron และ Thunderbird หรือใช้กับเมนบอร์ดแบบ Socket 370, Slot I และ Socket A และก็อาจมีใช้กับ เมนบอร์ดแบบ Socket 7 บางรุ่น ที่ใช้ซีพียูของ Cyrix หรือ AMD เช่น Cyrix MII, III, Amd K6-II, K6-III
RDRAM เป็นหน่วยความจำที่ทำงานเร็วกว่า SD RAM มีราคาค่อนข้างแพง โดยใช้กับซีพียู เพนเทียมโฟร์ของอินเทล ที่มีความเร็ว 1 Gb ขึ้นไป
DDR SDRAM เนื่องจาก RDRAM แพงเกินไป ไม่เป็นที่นิยม จึงได้มีการผลิตแรมแบบ DDR SDRAM ขึ้นมา เพื่อใช้กับซีพียูความเร็วสูงของเอเอ็มดีและอินเทลระดับ 1 Gb ขึ้นไป จะมีอยู่ใน เมนบอร์ดบางรุ่น เช่น MSI K7T266 Pro สำหรับซีพียูของเอเอ็มดี และบางรุ่นอาจจะมีให้เลือกใช้ทั้ง SDRAM และ DDR SDRAM ในเมนบอร์ด เดียวกัน

การเลือกซื้อแรม
แรมในท้องตลาดมีหลายแบบ หลากยี่ห้อ เช่น SIMM EDO, DIMM SDRAM PC 100/133, DIMM DDR SDRAM PC2100 และ RIMM RDRAM PC800
การเลือกซื้อให้ดูที่เมนบอร์ดว่ารองรับแรมแบบใด แรมแบบ DDR SDRAM และ RD-RAM จะมีราคาแพงกว่าแรมแบบ SDRAM เพราะประสิทธิภาพและมีความเร็ว สูงกว่า
ทั้งนี้เมนบอร์ดบางรุ่น จะมีตัวเลือกให้ติดตั้งแรมได้ทั้งสองแบบ คือ แบบ SDRAM และ DDR SDRAM หรือ SDRAM และ RDRAM การเลือกซื้อเมนบอร์ด แรม และซี พียู อาจขอคำแนะนำ จากทางร้านก็ได้ว่า ถ้าเลือกเมนบอร์ดแบบนี้ จะเลือกใช้ซีพียู แรม และการ์ดจอแบบใด อุปกรณ์ทั้ง 4 ชิ้นนี้ควรซื้อร้านเดียวกัน และให้ทางร้าน เซ็ตค่าซีพียูบนเมนบอร์ดให้เรียบร้อย ถ้ากลัวจะเซ็ตค่าไม่ถูก ข้อดีอีกอย่างก็คือถ้าอุปกรณ์มีปัญหา ก็ยกความผิดให้ทางร้าน หาแพะได้ไม่ยาก เคลมง่าย นอกจาก นี้ อาจศึกษาจาก คู่มือของเมนบอร์ดก็ได้ ก่อนจะไล่ซื้อไปทีละชิ้น

ประวัติคอมพิวเตอร์ : ซีพียู CPU ของคอมพิวเตอร์

CPU (Central Processing Unit) หรืออาจเรียกอีกชื่อว่า ไมโครโปรเซสเซอร์ เปรียบได้กับ สมองของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่คิด คำนวณและทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ การเรียกคอมพิวเตอร์ อีกแบบหนึ่ง นอกจากยี่ห้อแล้วก็นิยมเรียกตามความเร็วของซีพียู

การเลือกใช้ซีพียูที่ความเร็วเท่าไรนั้นให้พิจารณางานที่ทำอยู่ หากเป็นการใช้งานทั่วๆ ไปใน สำนักงาน ใช้อินเตอร์เน็ตเลือกประมาณ เพนเทียม 200 MHz ขึ้นไป ก็ ใช้งานได้สบาย และในปัจจุบัน เครื่องใหม่ๆ จะมีความเร็วตั้งแต่ 700 MHz ขึ้นไป จึงไม่ต้องกลัวเรื่องตกรุ่น หากใช้งานโปรแกรม ประเภทกราฟิค 3 มิติ ออกแบบ เล่นเกม ประเภทนี้เครื่องต้องแรง แบบนี้ต้องเลือกซีพียูความเร็ว สูง แต่ถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก ผู้เขียนเองยังใช้เครื่องกระจอกๆ 486DX-100, Pentium 150, Pentium 200 มีดีหน่อยก็ Pentium II 450 MHz เมื่อเทียบกับเครื่องที่ขายกัน อยู่ในตอนนี้ ความเร็ว ความแรง คนละเรื่องกันเลย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ใช้อินเตอร์เน็ต พิมพ์งาน ตกแต่งภาพ ดูหนังฟังเพลงได้สบาย ใช้มาตั้งแต่ปี 41 ก็ดูเหมือนจะใช้ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะพังกันไปข้าง ใคร่แนะนำ ว่า ระหว่างที่เขาอยู่กับเรา ก็จงใช้ให้คุ้มกับความสามารถเครื่องที่มีอยู่ น่าจะดีกว่านะ

นอกจากซีพียูที่ผลิตโดยอินเทลแล้วก็มีของ AMD เช่น K5, K6, K6-II, K6-III, K7,Duron, Thunderbird และ Athlon XP และ ซีพียูของ VIA Cyrix/IBM เช่น 6x86L, 6x86MX, MII-300/333, MIII-533/550/600 และ VIA Cyrix III

ซีพียูมีอยู่หลายชนิดหลายบริษัท ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะซีพียูที่มีจำหน่ายในท้องตลาดที่นิยม ใช้กันมากๆ ในบ้านเรา โดยจะแยกเป็น 2 ค่ายใหญ่ๆ คือ อินเทล (Intel) และเอเอ็มดี (AMD) เหมือนกับ การแยกชนิดของเมนบอร์ด
ซีพียูของอินเทล
จะแบ่งเป็น 3 แบบตามชนิดของเมนบอร์ดดังนี้
1. ซีพียูที่มีอินเตอร์เฟสหรือลักษณะการติดตั้งแบบ FC-PGA 370
สำหรับเมนบอร์ดแบบ Socket 370 ซีพียูในกลุ่มนี้จะเป็นเซเลอรอนและเพน เทียมทรี (Celeron & Pentium III)

2. ซีพียูที่มีอินเตอร์เฟสหรือลักษณะการติดตั้งแบบ FC-PGA 423
สำหรับเมนบอร์ดแบบ Socket 423 ซีพียูในกลุ่มนี้จะเป็นเพนเทียมโพร์

3. ซีพียูที่มีอินเตอร์เฟสหรือลักษณะการติดตั้งแบบ FC-PGA2 478
สำหรับเมนบอร์ดแบบ Socket 478 ซีพียู่ในกลุ่มนี้จะเป็นเพนเทียมโฟร์เหมือนกัน

ซีพียูของเอเอ็มดี
เป็นซีพียูของเอเอ็มดี ในปัจจุบันที่มีวางขายอยู่จะเป็นซีพียูที่มีอินเตอร์เฟสหรือลักษณะการ ติดตั้งแบบ Socket A ทั้งหมด จะมีรุ่นต่างๆ เช่น Duron, Athlon Thunderbird และ Athlon XP

ส่วนประกอบต่างๆ ของซีพียู
ซีพียูแต่ละแบบจะมีส่วนประกอบต่างๆ คล้ายๆ กัน
1. จำนวนขาหรือพินจะมีตำแหน่งที่บ่งบอกว่าขาที่ 1 อยู่ด้านใด ซึ่งจะสัมพันธ์กับตัวซ็อกเกต ที่เมนบอร์ด การติดตั้งก็เพียงแต่วางซีพียูลงไปบนซ็อกเกตให้ตำแหน่ง ขาที่ 1 ตรงกัน

2. ตำแหน่งติดตั้งพัดลมระบายความร้อน (Heating) ต้องใส่ใจพอสมควร โดยเฉพาะซีพียู ของเอเอ็มดี จะมีความร้อนสูงกว่าของอินเทล จึงต้องเลือกพัดลมที่มี คุณภาพพอสมควร พัดลมดีๆ สักตัวแพงพอๆ กับซีพียูเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นซีพียูรุ่นเก่าโดยเฉพาะของ อินเทลจะมีพัดลมติดมาพร้อม กับซีพียูด้วย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เหมือนของเอเอ็มดี

3. สายไฟพัดลมซีพียู เมื่อติดตั้งพัดลมก็จะมีสายไฟต่อไฟเข้าพัดลม ให้นำสายไฟไปต่อที่ ตำแหน่ง CPU FAN บนเมนบอร์ด

ตำแหน่งซ็อกเก็ตสำหรับติดตั้งซีพียูบนเมนบอร์ดแต่ละแบบ จะมีลักษณะเฉพาะสำหรับซีพียู แต่ละรุ่น จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยกับการติดตั้งซีพียูลงบนซ็อกเก็ต เพราะ ถ้าผิดตัวผิดทางก็ไส่ไม่ได้อยู่แล้ว

การเลือกซื้อซีพียู
การเลือกซื้อซีพียู ในบ้านเราส่วนใหญ่จะเลือกซีพียูของอินเทลมากกว่าของ AMD ที่เป็นคู่แข่ง แม้ราคาจะถูกกว่าและประสิทธิภาพ ก็ไม่ได้ด้อยกว่า โดยเฉพาะ Athlon XP หากเทียบประสิทธิภาพ การทำงานกับ Pentium 4 แล้วหลายๆ ด้านดีกว่ามาก คุ้มค่าเงินมากว่า แต่ซีพียูของเจ้านี้จะมีปัญหา ก็เรื่องความร้อน ราคาซีพียูไม่แพง แต่ต้องเลือกซื้อพัดลมระบายความร้อนดีๆ มาติดให้กับซีพียู ก็หายห่วง

หากมองในข้อดีแล้วซีพียูของ AMD จะได้เปรียบในเรื่องการอัพเกรด ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า เพราะ มีซ็อกเก็ตแบบเดียวคือ Socket A ใช้กับซีพียูได้ทุกรุ่น อัพเกรดโดย เปลี่ยนเฉพาะซีพียูเท่านั้น ในขณะ ที่ซีพียูของอินเทลค่อนข้างหลากหลาย เมนบอร์ดและอุปกรณ์อื่นๆ ก็หลากหลายตามไปด้วย อัพเกรด แต่ละทีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หลายตัว แต่ข้อดีของซีพียูค่านี้ก็คือ เรื่องความร้อน น้อยกว่า และเมื่อความร้อนน้อย ความเสถียรในการทำงานก็จะมีมากกว่า
สรุปหากมองในแง่ความคุ้มค่าเงินแล้ว เลือกซีพียูของ AMD น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ ผู้ที่มีงบน้อย แต่ต้องการซีพียูประสิทธิภาพคุ้มค่า